Our Services
Latest Knowledge Updates
รวมฟีเจอร์การใช้งาน File Manager ใน DirectAdmin
2 December 2025
File Manager ใน DirectAdmin คือเครื่องมือจัดการไฟล์บนโฮสติ้งที่ใช้ง่ายสุด ๆ ใช้ผ่านเว็บได้ทันที ไม่ต้องเปิดโปรแกรม FTP ช่วยให้คุณอัปโหลด แก้ไข ย้าย ลบ หรือบีบอัดไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว เหมาะทั้งมือใหม่และผู้ใช้งานที่ต้องการจัดการไฟล์แบบคล่องตัว 📄 สร้างไฟล์ / โฟลเดอร์ สร้างไฟล์ใหม่ เช่น index.html, robots.txt หรือสร้างโฟลเดอร์เพื่อจัดระเบียบไฟล์เว็บไซต์ได้ทันที👉 คู่มือสร้างไฟล์ / โฟลเดอร์ 📥 อัปโหลดไฟล์ อัปโหลดไฟล์จากเครื่องเข้าสู่โฮสติ้งได้ง่าย ๆ รองรับไฟล์หลายประเภทและหลายไฟล์พร้อมกัน👉 คู่มืออัปโหลดไฟล์ 🔍 ค้นหาไฟล์ / โฟลเดอร์ ค้นหาไฟล์หรือโฟลเดอร์ในระบบอย่างรวดเร็ว แม้มีไฟล์จำนวนมาก👉 คู่มือค้นหาไฟล์ / โฟลเดอร์ 👀 ดูขนาดโฟลเดอร์ ตรวจสอบว่าแต่ละโฟลเดอร์ใช้พื้นที่เท่าไร เพื่อช่วยบริหารพื้นที่โฮสติ้งได้ดีขึ้น👉 คู่มือดูขนาดโฟลเดอร์ 📝 แก้ไขไฟล์ แก้ไขไฟล์ HTML, CSS, PHP หรือไฟล์ข้อความอื่น ๆ ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลด👉 คู่มือแก้ไขไฟล์ ✏️ เปลี่ยนชื่อไฟล์ / โฟลเดอร์ ตั้งชื่อไฟล์หรือโฟลเดอร์ใหม่ให้เหมาะกับ SEO หรือจัดระเบียบข้อมูลใหม่👉 คู่มือเปลี่ยนชื่อไฟล์ / โฟลเดอร์ 📋 คัดลอกไฟล์ / โฟลเดอร์ คัดลอกไฟล์หรือโฟลเดอร์เพื่อสำรองหรือกระจายไฟล์ไปยังตำแหน่งอื่น👉 คู่มือคัดลอกไฟล์ / โฟลเดอร์ 🚚 ย้ายไฟล์ / โฟลเดอร์ ย้ายไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปยังตำแหน่งอื่น ๆ ในโฮสติ้งได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว👉 คู่มือย้ายไฟล์ / โฟลเดอร์ 📤 ดาวน์โหลดไฟล์ / โฟลเดอร์ ดาวน์โหลดไฟล์จากโฮสติ้งลงเครื่องของคุณได้ทันที👉 คู่มือดาวน์โหลดไฟล์ / โฟลเดอร์ 🗜️ บีบอัดไฟล์ / โฟลเดอร์ รวมไฟล์หลาย ๆ ไฟล์เป็นไฟล์ .zip หรือ .tar.gz เพื่อให้ง่ายต่อการดาวน์โหลดหรือจัดเก็บ👉 คู่มือบีบอัดไฟล์ 🗃️ แตกไฟล์ แตกไฟล์ ZIP ที่อยู่ในโฮสติ้งได้โดยที่ไม่ต้องแตกไฟล์จากที่อื่นแล้วอัปโหลดลงเครื่อง👉 คู่มือแตกไฟล์ 🔐 ตั้งค่าสิทธิ์ไฟล์ / โฟลเดอร์ ปรับสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์ (CHMOD) เช่น 644 หรือ 755 ซึ่งสำคัญมากสำหรับ WordPress และระบบเว็บทั่วไป👉 คู่มือตั้งค่าสิทธิ์ไฟล์ / โฟลเดอร์ 🧺 ลบไฟล์ / โฟลเดอร์ ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ไม่ต้องการใช้งานไปยังถังขยะของระบบ (Trash)👉 คู่มือลบไฟล์ / โฟลเดอร์ ♻️ กู้ไฟล์ / โฟลเดอร์ที่ถูกลบคืน เรียกคืนไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ถูกลบหรือเผลอลบผิดได้ หากไฟล์หรือโฟลเดอร์เหล่านั้นยังอยู่ในถังขยะ (Trash)👉 คู่มือกู้ไฟล์ / โฟลเดอร์ที่ถูกลบคืน 🗑️ ลบไฟล์ / โฟลเดอร์ถาวร ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ออกจากโฮสติ้งแบบถาวรโดยไม่สามารถกู้คืนได้👉 คู่มือลบไฟล์ / โฟลเดอร์ถาวร File Manager ใน DirectAdmin ถือว่าเป็นเครื่องมือจัดการไฟล์ที่ครบเครื่อง ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ใช้ระดับโปร โดยการใช้งานผ่านเว็บจะช่วยลดทั้งเวลาจัดการไฟล์ และไม่ต้องพึ่งโปรแกรม FTP ให้ยุ่งยาก หากคุณกำลังมองหาเว็บโฮสติ้งที่ใช้งานง่ายและปลอดภัย สามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจ Web Hosting ของเราได้ที่👉 https://www.hostatom.com/web-hosting
ควร Backup เว็บบ่อยแค่ไหน ถึงจะมั่นใจว่าข้อมูลปลอดภัย?
1 December 2025
หลายคนรู้ว่าต้อง Backup เว็บ…แต่ก็มักเผลอผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเว็บล่ม ไฟล์หาย ฐานข้อมูลพัง หรือโดนแฮกขึ้นมา ถึงจะนึกขึ้นได้ว่า “รู้งี้แบ็กอัพไว้ตั้งนานแล้ว” แล้วคำถามสำคัญคือ ควร Backup บ่อยแค่ไหนถึงจะปลอดภัยจริง ๆ ? มาดูแนวทางที่เลือกใช้ได้ตามประเภทเว็บไซต์ของคุณกันเลย เว็บแต่ละประเภทควร Backup บ่อยแค่ไหน? จริง ๆ แล้ว ความถี่ของการ Backup ไม่ได้มีสูตรตายตัวอะไร แต่เราสามารถประเมินได้จากลักษณะการใช้งานของเว็บคร่าว ๆ ได้ดังนี้ 1. เว็บไซต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบ่อย ตัวอย่าง : เว็บข่าว, เว็บคอนเทนต์รายวัน, เว็บบล็อกที่ลงบทความต่อเนื่อง, เว็บอีคอมเมิร์ซที่มีสินค้าและคำสั่งซื้อหมุนเวียน ความถี่ที่แนะนำ : รายวัน หรืออัตโนมัติทุก 6–12 ชั่วโมง หากมีการอัปเดตต่อเนื่อง 2. เว็บไซต์ขายของ / เว็บธุรกรรม / มีระบบสมาชิก ตัวอย่าง : เว็บร้านค้าออนไลน์, จองคิว, ระบบหลังบ้านต่าง ๆ ความถี่ที่แนะนำ : รายชั่วโมง หรือทุก 6 ชั่วโมง และทำ Backup ฐานข้อมูลแยกต่างหากเสมอ เพราะข้อมูลลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และปล่อยให้หายไม่ได้เด็ดขาด 3. เว็บไซต์ทั่วไปที่ไม่ได้อัปเดตเนื้อหาบ่อย ตัวอย่าง : เว็บบริษัท, เว็บโปรไฟล์, เว็บ Landing Page ความถี่ที่แนะนำ : รายสัปดาห์ หรือทุกครั้งที่มีการอัปเดต เช่น เพิ่มหน้าใหม่ ปรับดีไซน์ ลงปลั๊กอิน 4. เว็บไซต์ที่ไม่ได้อัปเดตเนื้อหาเลย ตัวอย่าง : เว็บนิ่งที่แทบไม่ปรับข้อมูลอะไรเลย ความถี่ที่แนะนำ : รายเดือน และควรทำเพิ่มเมื่อมีการอัปเดตใหญ่ เช่น เปลี่ยนธีม หรือย้ายโฮส ไม่ควรลืมกฎ 3-2-1 เวลา Backup เพื่อความปลอดภัยสูงสุด การมี Backup บ่อยแค่ไหนก็ไม่ช่วย หาก Backup ที่เก็บไว้อยู่ที่เดียวกันจนเสี่ยงข้อมูลหายถาวร 3 – มีสำเนาอย่างน้อย 3 ชุด 2 – เก็บไว้คนละที่อย่างน้อย 2 แบบ เช่น บนเซิร์ฟเวอร์ + อุปกรณ์ส่วนตัว 1 – เก็บไว้นอกสถานที่อีก 1 ชุด เช่น Cloud Storage ต่อให้เซิร์ฟเวอร์หลักมีปัญหา เราก็ยังมีสำรองจากที่อื่นให้กู้คืนได้เสมอ เมื่อไหร่ที่ควร Backup บ่อยขึ้น? สำหรับคนที่ยังสับสนอยู่ว่าเว็บของตนควร Backup ให้บ่อยขึ้นดีไหม ลองเช็กตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ดูว่า… ถ้าข้อมูลหายไป 1 วัน → กระทบเยอะไหม? ถ้าต้องย้อนข้อมูลกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน → รับได้หรือเปล่า? มีข้อมูลสำคัญ เช่น ยอดขาย / ข้อมูลลูกค้า / คำสั่งซื้อ ที่พลาดไม่ได้ไหม? เว็บโดนโจมตีบ่อยหรือไม่? มีทีมงานหลายคนแก้ไขเว็บพร้อม ๆ กันไหม? ถ้าคำตอบคือ “ใช่” หลายข้อ → หมายความว่าเราควรพิจารณาเพิ่มความถี่ในการ Backup แล้วล่ะ ข้อผิดพลาดที่เจอได้บ่อยในการ Backup มี Backup แค่ชุดเดียว เก็บ Backup ไว้ในเซิร์ฟเวอร์เดียวกับเว็บ ลืมตรวจสอบว่าไฟล์ Backup ใช้งานได้ คิดว่าเว็บเล็ก ไม่ต้อง Backup บ่อย ทำ Backup เฉพาะตอนเว็บเริ่มมีปัญหา (ซึ่งมักจะสายไปแล้ว) สรุปแบบเข้าใจง่าย ๆ คือ 👇 เว็บอัปเดตบ่อย → รายวัน หรือถี่กว่านั้น เว็บร้านค้า/ธุรกรรม → ทุก 1–6 ชั่วโมง เว็บทั่วไป → รายสัปดาห์ เว็บนิ่ง → รายเดือน และอย่าลืมทำตามกฎ 3-2-1 ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล ถ้าคุณกำลังมองหาเว็บโฮสติ้งที่มีระบบสำรองข้อมูลให้ พร้อมทีมงานช่วยดูแลตลอด 24/7 สามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจ Web Hosting ของเราได้ที่ 👉 https://www.hostatom.com/web-hosting
เช็กลิสต์ย้ายอีเมลองค์กรไป Google หรือ Microsoft 365
27 November 2025
รู้ก่อน ย้ายง่าย ไม่เมลหาย ไม่ปวดหัว ช่วงนี้หลายองค์กรเริ่มวางแผนย้ายจากระบบอีเมลเดิม ไปใช้ Google Workspace หรือ Microsoft 365 เพราะได้ทั้งฟีเจอร์ที่ครบขึ้น ความปลอดภัยที่ดีกว่า และการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ที่สะดวกกว่าเดิม แต่ก่อนจะย้าย ก็มักมีคำถามที่เจอบ่อย เช่น “ถ้าย้ายแล้วเมลจะหายไหม?” “พนักงานจะใช้งานต่อได้เลยหรือเปล่า?” “ต้องเตรียมอะไรให้บริษัทที่มาช่วยย้ายบ้าง?” บทความนี้จะพาไปดูทีละขั้นแบบ ภาษาคนทั่วไป ไม่ต้องเก่งไอทีก็อ่านเข้าใจ พร้อมเช็กลิสต์ให้เช็กก่อนย้ายจริง และมีคำแนะนำว่าทำไมการใช้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง hostatom มาช่วยดูแลจึงปลอดภัยกว่า ทำความรู้จัก Google Workspace และ Microsoft 365 ก่อนย้ายอีเมล Google Workspace คืออะไร คิดง่าย ๆ ว่าเป็น ออฟฟิศออนไลน์ของ Google อยู่บนคลาวด์ทั้งหมด ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ บริการหลัก เช่น Gmail – อีเมลองค์กร @yourcompany.com Google Drive – เก็บไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ Docs / Sheets / Slides – เอกสาร Word, Excel, PowerPoint เวอร์ชันออนไลน์ Google Meet / Chat / Calendar – ประชุมออนไลน์ แชท นัดหมาย เหมาะกับองค์กรที่ต้องการใช้งานง่าย ไม่ต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง และให้พนักงานทำงานร่วมกันบนไฟล์เดียวกันได้แบบเรียลไทม์ Microsoft 365 คืออะไร ส่วน Microsoft 365 คือ ออฟฟิศออนไลน์ของ Microsoft ที่หลายคนคุ้นเคยอยู่แล้ว บริการหลัก เช่น Outlook – อีเมลองค์กร OneDrive / SharePoint – เก็บไฟล์บนคลาวด์ Word / Excel / PowerPoint – ทั้งแบบโปรแกรมติดเครื่องและแบบออนไลน์ Microsoft Teams – ประชุมออนไลน์ แชท ทำงานเป็นทีม เหมาะกับองค์กรที่ใช้ Microsoft Office อยู่แล้ว ต้องการต่อยอดไปใช้บนคลาวด์ และจัดการผู้ใช้จากส่วนกลางได้ง่ายขึ้น 📣คำแนะนำ: ถ้าองค์กรใช้ Office เดิมเยอะ และพนักงานติด Outlook หนัก ๆ มักเลือก Microsoft 365 ถ้าองค์กรชอบทำงานบนเว็บ ใช้ Docs/Sheets แชร์งานเยอะ มักเลือก Google Workspace ทำไมการย้ายอีเมลองค์กรต้องวางแผนให้ดี การย้ายอีเมลไป Google Workspace หรือ Microsoft 365 ไม่ใช่แค่ “สมัครแพ็กเกจใหม่แล้วจบ”แต่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้: เมลเก่าของพนักงานหลายปี รายชื่อในสมุดที่อยู่ (Contacts) ปฏิทินนัดหมาย (Calendar) ระบบอื่น ๆ ที่ส่งเมลออก เช่น เว็บไซต์, ระบบใบเสนอราคา, ระบบแจ้งเตือน ความต่อเนื่องในการทำงานของทั้งบริษัท และที่สำคัญที่สุดคือ “อีเมลห้ามหาย” ถ้าวางแผนไม่ดีอาจเกิดปัญหาเช่น ลูกค้าส่งเมลมาแล้วไม่ถึง พนักงานหาประวัติอีเมลเก่าไม่เจอ ระบบส่งเมลอัตโนมัติใช้ไม่ได้ ต้องหยุดใช้เมลชั่วคราว (Downtime) ทำงานสะดุดทั้งบริษัท เพราะแบบนั้น หลายองค์กรจึงเลือกใช้ บริการย้ายอีเมล (Email Migration) จากผู้เชี่ยวชาญอย่าง hostatom เพื่อให้มีทีมช่วยดูแลทุกขั้นตอน และรับผิดชอบร่วมกันหากมีปัญหา เช็กลิสต์: ก่อนย้ายอีเมลองค์กร ต้องเตรียมอะไรบ้าง หัวข้อนี้คือ “เช็กลิสต์หลัก” ที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนเริ่มย้ายจริง แนะนำให้ส่งให้ฝ่ายไอที หรือผู้ที่ดูแลระบบเก็บข้อมูลให้ครบ 1. รู้ให้ชัดว่า “โดเมนและ DNS” อยู่ที่ไหน DNS คืออะไร?อธิบายแบบง่ายที่สุด:DNS เปรียบเหมือน “สมุดโทรศัพท์ของอินเทอร์เน็ต”มันจะบอกว่า ชื่อโดเมน yourcompany.com ควรไปหาเว็บไซต์ที่ไหน และควรส่งอีเมลไปที่เซิร์ฟเวอร์ไหน สิ่งที่ควรรู้ก่อนย้าย: โดเมนของคุณจดทะเบียนที่ไหน (เช่น ผู้ให้บริการโดเมน หรือโฮสติ้งเจ้าใด) ใครถือรหัสเข้าไปแก้ DNS ได้ ตอนนี้ค่า MX (ตัวกำหนดว่าเมลควรถูกส่งไปที่ไหน) ชี้ไปที่ระบบอะไร การเปลี่ยน MX คือการบอก “ตั้งแต่นี้ไป ให้เมลเข้าไปที่ระบบใหม่” ถ้าตั้งผิด เมลอาจเด้ง ไม่เข้า หรือสูญหายได้ ถ้าไม่รู้เลยว่าดูตรงไหน ให้ส่งรายละเอียด/เอกสารที่มีให้ทีม hostatom ตรวจสอบแทนได้เราช่วยเช็ก DNS และอธิบายให้ฟังทีละขั้นตอน 2. ตรวจสอบระบบอีเมลเดิมและวิธีใช้งาน ข้อมูลชุดนี้จะใช้กำหนดวิธีการย้ายและเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม ใช้เมลผ่านอะไร หน้าเว็บ (Webmail) โปรแกรม Outlook / Thunderbird แอปในมือถือ ระบบเดิมเป็นของอะไร ใช้ hosting ทั่วไป (บน DirectAdmin / cPanel) Mail server ภายในบริษัท (เช่น Microsoft Exchange) หรือใช้ Google / Microsoft อยู่แล้ว แต่จะย้ายไปอีกบัญชีหนึ่ง ทำไมต้องรู้?เพราะแต่ละระบบใช้วิธีดึงเมลออกมาไม่เหมือนกันบางแบบดึงได้ตรง ๆ จากเซิร์ฟเวอร์แต่บางแบบเมลอยู่ในเครื่องพนักงาน (แบบ POP3) ต้องวางแผนเก็บไฟล์จากเครื่องก่อน เพื่อไม่ให้เมลหาย 3. มีผู้ใช้กี่คน และแต่ละคนมีเมลเยอะแค่ไหน ข้อนี้สำคัญมาก จะเกี่ยวกับทั้ง เวลาในการย้าย และค่าใช้จ่าย จำนวนบัญชีอีเมลทั้งหมด (รวมบัญชีที่เลิกใช้ไปแล้วด้วยหรือไม่?) ขนาดพื้นที่ที่ใช้ไปแล้วของแต่ละคน เช่น 1 – 5 GB 10 GB 50 GB ขึ้นไป (บัญชีที่ใช้เยอะผิดปกติ ควรทำรายการแยก) ต้องการย้ายเมลเก่าทั้งหมด หรือเฉพาะช่วงเวลา เช่น 1 – 3 ปีล่าสุด เช่น ย้ายเมล 2 – 3 ปีล่าสุด ส่วนที่เก่ากว่านั้นเก็บแยกเป็นไฟล์สำรอง ข้อมูลนี้จะมีผลต่อ: เวลา migration แพ็กเกจที่ต้องเลือก (เช่น พื้นที่ต่อผู้ใช้ของแต่ละแพ็กเกจบน Google Workspace/Microsoft 365) ทีม hostatom จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการประเมินเวลาและออกแบบวิธีการย้ายเช่น บัญชีที่ใหญ่เป็นพิเศษอาจต้องเริ่มย้ายล่วงหน้า เพื่อไม่ให้กินเวลานานเกินไปในวันจริง 4. ระบบอื่น ๆ ที่ใช้ส่งอีเมลร่วมด้วย ไม่ได้มีแค่พนักงานส่งเมลจากกล่องเมลเท่านั้นที่ต้องคิดถึง แต่ยังมีระบบอื่น ๆ ที่ยิงเมลออกอัตโนมัติ เช่น ฟอร์มบนเว็บไซต์ (แบบฟอร์มติดต่อเรา / สมัครสมาชิก) ระบบแจ้งเตือน เช่น ระบบจองคิว, ระบบออกใบเสนอราคา, ระบบ ERP / CRM ระบบกล้องวงจรปิด, อุปกรณ์เครือข่ายที่แจ้งเตือนผ่านเมล หลังจากย้ายอีเมลไป Google Workspace หรือ Microsoft 365 ต้องปรับการตั้งค่าระบบเหล่านี้ให้ใช้เมลใหม่ให้เรียบร้อย เลือกรูปแบบการย้ายอีเมลให้เหมาะกับองค์กร โดยหลัก ๆ จะมีอยู่ 3 แบบ (และผสมกันได้) 1. ย้ายทีเดียวจบ (เหมาะกับองค์กรเล็ก – กลาง) กำหนดวัน/เวลาที่ชัดเจน เช่น เสาร์ – อาทิตย์ ทำการย้ายเมลทั้งหมดล่วงหน้าให้มากที่สุด ตัดระบบไปใช้ Google Workspace หรือ Microsoft 365 วันเดียวเลย ข้อดี ชัดเจน วางแผนง่าย บอกพนักงานได้เลยว่า “หลังจากวันนี้ให้ใช้ระบบใหม่เท่านั้น” ข้อควรระวัง ถ้าเกิดปัญหาในวันย้าย จะกระทบผู้ใช้ทุกคน จึงต้องทดสอบให้ดีมากก่อนวันจริง 2. ย้ายแบบแบ่งกลุ่ม (เหมาะกับองค์กรกลาง – ใหญ่) แบ่งผู้ใช้ตามแผนก / สาขา / ความสำคัญของระบบ ย้ายทีละกลุ่ม ทดสอบให้เรียบร้อยก่อนย้ายกลุ่มถัดไป ข้อดี ลดความเสี่ยง หากพบปัญหาในกลุ่มแรกจะได้แก้ไขทัน เหมาะกับองค์กรที่มีผู้ใช้จำนวนมาก หรือมีหลายแผนกที่ใช้งานต่างกัน ข้อควรระวัง ในช่วงที่ยังย้ายไม่ครบทั้งองค์กร จะมีทั้งผู้ใช้ระบบเก่าและใหม่ ต้องวางแผนการสื่อสารภายในให้ดี 3. ย้ายแบบเน้น “ไม่ให้มี Downtime” หรือให้น้อยที่สุด สำหรับบางธุรกิจ เช่น ฝ่ายขาย งานบริการลูกค้า โรงงาน หรือโรงพยาบาล อาจต้องการให้การ หยุดชะงักน้อยที่สุด แนวทางโดยทั่วไปคือ ใช้เครื่องมือ email migration เพื่อซิงก์เมลจากระบบเดิมมาที่ระบบใหม่หลายรอบก่อนวันจริง เลือกตัดระบบในช่วงเวลาที่มีการใช้งานน้อยมาก เช่น กลางดึก หรือวันหยุด หลังตัด MX ยังคงซิงก์เมลอีกรอบเพื่อเก็บเมลที่เข้ามาช่วงรอยต่อ การออกแบบรูปแบบการย้ายแบบนี้ เหมาะให้ทำร่วมกับทีมที่มีประสบการณ์อย่าง hostatom เพื่อลดความเสี่ยงเมลตกหล่น สิ่งที่มัก “ลืม” ตอนย้ายอีเมล เวลาพูดถึงการย้ายอีเมลองค์กร เรามักนึกถึง “เมลในกล่องจดหมาย” เท่านั้น แต่จริง ๆ ยังมีข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น Contacts (สมุดที่อยู่)รายชื่ออีเมลลูกค้า/คู่ค้าบางส่วนเก็บอยู่ในโปรแกรม Outlook หรือมือถือ ไม่ได้อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ Calendar (ปฏิทินนัดหมาย)นัดหมายต่าง ๆ ที่ผูกกับระบบเดิม ต้องเช็กว่าอยากย้ายตามมาด้วยหรือไม่ Tasks / Notes / Signature / Rulesบางโปรแกรมมี rule ให้จัดหมวดหมู่เมลอัตโนมัติ อันนี้ไม่ค่อยถูกย้ายมา ต้องตั้งใหม่ ข้อมูลเหล่านี้บางส่วนไม่ได้ถูกย้ายตามมาอัตโนมัติ จำเป็นต้อง Export/Import หรือให้ผู้ใช้ช่วยตั้งค่าใหม่บางส่วน ถ้าองค์กรใช้ Google Drive / OneDrive / SharePoint หรือพื้นที่เก็บไฟล์บนคลาวด์ของผู้ให้บริการเดิมอยู่ด้วย การย้ายไฟล์จำเป็นต้องมีแผนแยกต่างหากจากการย้ายอีเมล โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์การแชร์ไฟล์ หลังย้ายแล้ว ต้องไม่ลืมเรื่องความปลอดภัย หลังจากย้ายอีเมลเสร็จแล้ว ยังไม่ถือว่า “จบงาน” ทันที ยังมีขั้นตอนสำคัญด้านความปลอดภัยที่ควรทำต่อ 1. ตั้งค่า DNS สำหรับระบบใหม่ เปลี่ยนค่า MX ให้ชี้ไปยัง Google หรือ Microsoft ตั้งค่า SPF ให้ระบบภายนอกยอมรับว่า “เมลที่ส่งออกจากโดเมนนี้ เป็นของแท้” เปิดใช้ DKIM และแนะนำการตั้งค่า DMARC ตามนโยบายบริษัท ถ้าตั้งค่าไม่ครบหรือไม่ถูกต้อง อาจเกิดกรณีเมลส่งออกแล้วเข้า Junk/Spam หรือถูกปฏิเสธได้ 2. ตั้งค่าความปลอดภัยของผู้ใช้ เปิดใช้ 2-Step Verification / Multi-Factor Authentication (MFA) สำหรับบัญชีผู้ใช้ โดยเฉพาะบัญชีสำคัญ ตั้งนโยบายรหัสผ่านให้รัดกุม ตรวจสอบอุปกรณ์ที่เคยผูกกับบัญชี หากเป็นเครื่องเก่าหรือไม่ได้ใช้งานแล้วควรถอดออก 3. ทดสอบก่อนประกาศว่า “ย้ายจบแล้ว” ก่อนจะประกาศว่า “ย้ายอีเมลเสร็จสมบูรณ์” ควรทดสอบอีกครั้งว่า ทดสอบส่ง – รับเมลจากใน – นอกองค์กร ให้ผู้ใช้สำคัญลองค้นหาเมลเก่าที่ต้องใช้บ่อย ว่าเจอครบไหม ตรวจสอบระบบอื่น ๆ ที่ส่งเมลอัตโนัติ เช่น ฟอร์มหน้าเว็บ ว่ายังทำงานอยู่ ทำไมควรให้ hostatom ช่วยย้ายอีเมลองค์กร การย้ายอีเมลองค์กรหนึ่งครั้ง เปรียบเหมือน “ผ่าตัดใหญ่” ของระบบสื่อสารทั้งบริษัทผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำให้เมลหาย หรือหยุดทำงานไปทั้งระบบได้ การให้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง hostatom เข้ามาช่วย มีข้อดีหลายอย่าง เช่น มีประสบการณ์ย้ายอีเมลจากระบบหลากหลาย ทั้งจากโฮสติ้งเดิม, mail server ภายใน, รวมถึงการย้ายไป–มาระหว่าง Google Workspace และ Microsoft 365 ช่วยตรวจสอบและวางแผนตั้งแต่ต้น เช็ก DNS และระบบเดิม ประเมินจำนวนผู้ใช้และขนาดข้อมูล เสนอแผนการย้ายที่เหมาะกับสภาพจริงขององค์กร ลงมือจัดการขั้นตอนเทคนิคให้แทบทั้งหมด ดึงเมลจากระบบเดิม ตั้งค่าระบบใหม่ ปรับ DNS และทดสอบส่ง–รับเมล มีทีม Support ดูแลหลังการย้าย ช่วยแก้ปัญหาการใช้งานเบื้องต้นให้ผู้ใช้ ตรวจสอบกรณีเมลส่งไม่ถึง หรือเข้า Spam สรุปคือ ให้ hostatom ช่วยดูแลเรื่องเทคนิคคุณมีหน้าที่หลักเพียงเตรียมข้อมูล และตัดสินใจในจุดสำคัญเท่านั้น การย้ายอีเมลองค์กรให้ปลอดภัยเริ่มต้นจากการมี “ข้อมูลครบ และมีผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้” ก่อนอื่นต้องรู้ให้ชัดว่าจะย้ายไปใช้ระบบใดระหว่าง Google Workspace หรือ Microsoft 365 จากนั้นรวบรวมข้อมูลระบบเดิมให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น DNS ระบบเมลปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้ ขนาดข้อมูล รวมถึงรูปแบบการใช้งานของพนักงาน แล้วจึงเลือกแผนการย้ายที่เหมาะกับขนาดและลักษณะธุรกิจของคุณ อย่าลืมคำนึงถึงข้อมูลส่วนอื่นอย่าง Contacts, Calendar และไฟล์ต่าง ๆ รวมถึงการตั้งค่าความปลอดภัยหลังการย้าย หากไม่มั่นใจด้านเทคนิค การให้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง hostatom เข้ามาช่วยดูแลทุกขั้นตอนจะช่วยลดความเสี่ยง และทำให้การย้ายอีเมลขององค์กรเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าการทำเองมาก หากคุณกำลังวางแผนย้ายอีเมลองค์กรและอยากให้มีทีมมาช่วยดูแลตั้งแต่ “คุย วางแผน ลงมือ ไปจนถึงหลังย้ายเสร็จ” สามารถติดต่อทีม hostatom เพื่อขอคำปรึกษาได้เลย เราช่วยประเมินระบบเดิม วางแผนการย้าย และประมาณเวลาให้แบบเข้าใจง่าย แนะนำแพ็กเกจ Google Workspace หรือ Microsoft 365 ที่เหมาะกับขนาดธุรกิจของคุณ ดูแลการ Migration ให้ตั้งแต่ต้นจนจบ
What Our Users Say
tososay.com
ประทับใจในตลอดทุกการใช้งานที่มีมาตลอด กับ Hostatom ครับ
นอกจากใช้บริการพื้นที่และระบบแล้ว ทีมงานยังใส่ใจ เข้าใจ และรับฟัง การทำงานร่วมกันแม้ว่าจะเป็นระบบหน้าบ้าน ทีมงานก็ให้คำแนะนำที่จะใช้งานกับระบบหลังบ้านหรือโฮสต์ได้อย่างดี ขอบคุณที่ให้บริการมาตลอดครับ แนะนำสำหรับมือใหม่ และมืออาชีพ ไว้วางใจ hostatom ได้ครับ
nailekcook.com
ที่นี่บริการดีมากกกกค่ะ 10/10 ไม่หักคะแนนเลย
ช่วยเหลือ 24 ชม.จริงๆ ให้คำแนะนำ แก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้รวดเร็ว พี่ๆ เทคนิค และพี่ๆแอดมิน พูดจาดีมาก ลูกค้าไม่เข้าใจก็พยายามอธิบาย ไม่ผิดหวังเลยค่ะ
guiaespanolentailandia.com
ทีมงานซัพพอร์ตให้บริการดีมากครับ
ผมพึ่งศึกษาการทำเว็บมีปัญหาอะไรทีมซัพพอร์ตของ hostatom ช่วยได้ตลอดเลย ให้คำปรึกษาดี และตอบไวมากเลยครับ
