Our Services

Latest Knowledge Updates

เช็กลิสต์ง่าย ๆ ก่อนย้ายอีเมลองค์กรไป Google Workspace หรือ Microsoft 365

27 November 2025

รู้ก่อน ย้ายง่าย ไม่เมลหาย ไม่ปวดหัว หลายองค์กรเริ่มคิดจะย้ายจากระบบอีเมลเดิม ไปใช้ Google Workspace หรือ Microsoft 365เพราะได้ฟีเจอร์ครบกว่า ปลอดภัยกว่า และทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น แต่คำถามคือ… “ถ้าย้ายแล้วเมลจะหายไหม?” “พนักงานจะใช้งานต่อได้เลยหรือเปล่า?” “ต้องเตรียมอะไรให้บริษัทที่มาช่วยย้ายบ้าง?” บทความนี้ hostatom ขออธิบายแบบ ภาษาคนทั่วไป ไม่ใช่ภาษาช่างไอทีอ่านจบแล้วคุณจะรู้ว่า ก่อนย้ายอีเมลควรเตรียมอะไรบ้าง และทำไมการให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลจึงปลอดภัยที่สุด ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจปลายทางกันก่อน Google Workspace คืออะไร (แบบสั้น ๆ) คิดง่าย ๆ ว่าเป็น “ออฟฟิศออนไลน์ของ Google” อยู่บนคลาวด์ทั้งหมด ประกอบด้วย Gmail – อีเมลองค์กร @yourcompany.com Google Drive – เก็บไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ Docs / Sheets / Slides – เอกสาร Word, Excel, PowerPoint เวอร์ชันออนไลน์ Google Meet / Chat / Calendar – ประชุมออนไลน์ แชท นัดหมาย ข้อดีคือ ใช้ง่ายมาก แค่มีเบราว์เซอร์ก็ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา Microsoft 365 คืออะไร เป็น “ออฟฟิศออนไลน์ของ Microsoft” ที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ Outlook – อีเมลองค์กร OneDrive / SharePoint – เก็บไฟล์บนคลาวด์ Word / Excel / PowerPoint – ทั้งแบบโปรแกรมติดเครื่องและแบบออนไลน์ Teams – ประชุมออนไลน์ แชท ทำงานเป็นทีม เหมาะกับองค์กรที่คุ้นเคยกับ Microsoft อยู่แล้ว หรือมีการใช้งานไฟล์ Office เยอะ 📣คำแนะนำ: ถ้าองค์กรใช้ Office เดิมเยอะ และพนักงานติด Outlook หนัก ๆ มักเลือก Microsoft 365 ถ้าองค์กรชอบทำงานบนเว็บ ใช้ Docs/Sheets แชร์งานเยอะ มักเลือก Google Workspace ทำไมการย้ายอีเมลถึงต้องวางแผนดี ๆ การย้ายอีเมล ไม่ใช่แค่ “สมัครแพ็กเกจใหม่แล้วจบ”แต่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้: เมลเก่าของพนักงานหลายปี รายชื่อในสมุดที่อยู่ (Contacts) ปฏิทินนัดหมาย (Calendar) ระบบอื่น ๆ ที่ส่งเมลออก เช่น เว็บไซต์, ระบบใบเสนอราคา, ระบบแจ้งเตือน และที่สำคัญที่สุดคือ “อีเมลห้ามหาย” ถ้าวางแผนไม่ดีอาจเกิดปัญหาเช่น ลูกค้าส่งเมลมาแล้วไม่ถึง พนักงานหาประวัติอีเมลเก่าไม่เจอ ระบบแจ้งเตือนไม่ทำงาน ต้องหยุดใช้เมลชั่วคราว (Downtime) ทำงานสะดุดทั้งบริษัท เพราะแบบนั้น หลายองค์กรจึงเลือกใช้ บริการย้ายอีเมล (Email Migration) จากผู้เชี่ยวชาญอย่าง hostatomเพื่อให้มีทีมช่วยดูแลทุกขั้นตอน และรับผิดชอบร่วมกันหากมีปัญหา เช็กลิสต์: ก่อนย้ายอีเมลองค์กร ต้องเตรียมอะไรบ้าง หัวข้อนี้สำคัญที่สุด เราแปลงจากภาษาช่าง มาเป็นภาษาง่าย ๆ ให้แล้วแนะนำให้ปริ๊นท์หรือส่งให้ฝ่ายไอทีเช็กทีละข้อ 1. รู้ให้ชัดว่า “โดเมนและ DNS” อยู่ที่ไหน DNS คืออะไร?อธิบายแบบง่ายที่สุด:DNS เปรียบเหมือน “สมุดโทรศัพท์ของอินเทอร์เน็ต”มันจะบอกว่า ชื่อโดเมน yourcompany.com ควรไปหาเว็บไซต์ที่ไหน และควรส่งอีเมลไปที่เซิร์ฟเวอร์ไหน สิ่งที่ควรรู้ก่อนย้าย: โดเมนของคุณจดทะเบียนที่ไหน (เช่น ผู้ให้บริการโดเมน หรือโฮสติ้งเจ้าใด) ใครถือรหัสเข้าไปแก้ DNS ได้ ตอนนี้ค่าอีเมล (เรียกว่า MX Record) ชี้ไปที่ไหน การเปลี่ยน MX คือการบอก “ตั้งแต่นี้ไป ให้เมลเข้าไปที่ระบบใหม่” ถ้าตั้งผิด เมลอาจเด้ง ไม่เข้า หรือสูญหายได้ ถ้าไม่รู้เลยว่าดูตรงไหน ให้ส่งรายละเอียด/เอกสารที่มีให้ทีม hostatom ตรวจสอบแทนได้เราช่วยเช็ก DNS และอธิบายให้ฟังทีละขั้นตอน 2. ตอนนี้ใช้อีเมลแบบไหนอยู่ บอกทีมที่ช่วยย้ายให้ละเอียดที่สุด จะช่วยประหยัดเวลามาก ใช้เมลผ่านอะไร หน้าเว็บ (Webmail) โปรแกรม Outlook / Thunderbird แอปในมือถือ ระบบเดิมเป็นของอะไร ใช้ hosting ทั่วไป (บน DirectAdmin / cPanel) Mail server ภายในบริษัท (เช่น Microsoft Exchange) หรือใช้ Google / Microsoft อยู่แล้ว แต่จะย้ายไปอีกบัญชีหนึ่ง ทำไมต้องรู้?เพราะแต่ละระบบใช้วิธีดึงเมลออกมาไม่เหมือนกันบางแบบดึงได้ตรง ๆ จากเซิร์ฟเวอร์แต่บางแบบเมลอยู่ในเครื่องพนักงาน (แบบ POP3) ต้องวางแผนเก็บไฟล์จากเครื่องก่อน 3. มีผู้ใช้กี่คน และแต่ละคนมีเมลเยอะแค่ไหน ข้อนี้สำคัญมาก จะเกี่ยวกับทั้ง เวลาในการย้าย และค่าใช้จ่าย จำนวนบัญชีอีเมลทั้งหมด (รวมบัญชีที่เลิกใช้ไปแล้วด้วยหรือไม่?) ขนาดพื้นที่ที่ใช้ไปแล้วของแต่ละคน เช่น 1–5 GB 10 GB 50 GB ขึ้นไป (บัญชีที่ใช้เยอะผิดปกติ ควรทำรายการแยก) ต้องการย้ายเมลเก่าทั้งหมด หรือเฉพาะช่วงเวลา เช่น 1–3 ปีล่าสุด ข้อมูลนี้จะมีผลต่อ: เวลา migration แพ็กเกจที่ต้องเลือก (เช่น พื้นที่ต่อผู้ใช้ของแต่ละแพ็กเกจบน Google Workspace/Microsoft 365) ทีม hostatom จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการประเมินเวลาและออกแบบวิธีการย้ายเช่น บัญชีที่ใหญ่เป็นพิเศษอาจต้องเริ่มย้ายล่วงหน้า เพื่อไม่ให้กินเวลานานเกินไปในวันจริง 4. พนักงานใช้อีเมลอย่างไรในชีวิตจริง ใช้งานกี่อุปกรณ์ PC ที่ออฟฟิศ Notebook มือถือส่วนตัว มีบัญชีแบบพิเศษหรือไม่ เช่น info@, sale@, support@ ที่เป็นเมลหลายคนใช้ร่วมกัน เมลสำหรับยิงข่าวจากระบบ (no-reply@) มีระบบไหนที่ยิงเมลอัตโนมัติบ้าง เว็บฟอร์มบนเว็บไซต์ ระบบจอง, ระบบ CRM, ระบบแจ้งเตือนต่าง ๆ เหตุผลที่ต้องรู้:เวลาเปลี่ยนระบบอีเมล ต้องปรับการตั้งค่าทุกจุดให้ตรงกับระบบใหม่หากลืมบางจุดไป เช่น เว็บฟอร์มยังส่งผ่านระบบเดิมอยู่ ลูกค้าอาจกรอกแล้วเมลไม่เข้า เลือกรูปแบบการย้ายอีเมลให้เหมาะกับองค์กร โดยหลัก ๆ จะมีอยู่ 3 แบบ (และผสมกันได้) 1. ย้ายทีเดียวจบ (เหมาะกับองค์กรเล็ก–กลาง) กำหนดวัน/เวลาที่ชัดเจน เช่น เสาร์–อาทิตย์ ทำการย้ายเมลทั้งหมดล่วงหน้าให้มากที่สุด ตัดระบบไปใช้ Google Workspace หรือ Microsoft 365 วันเดียวเลย ข้อดี ชัดเจน วางแผนง่าย บอกพนักงานได้เลยว่า “หลังจากวันนี้ให้ใช้ระบบใหม่เท่านั้น” ข้อควรระวัง ถ้าเกิดปัญหาในวันย้าย จะกระทบผู้ใช้ทุกคน จึงต้องทดสอบให้ดีมากก่อนวันจริง 2. ย้ายแบบแบ่งกลุ่ม (เหมาะกับองค์กรกลาง–ใหญ่) แบ่งพนักงานเป็นกลุ่ม เช่น แผนกละรอบ ย้ายทีละรอบ และทดสอบให้ชัวร์ก่อนย้ายกลุ่มถัดไป ข้อดี ลดความเสี่ยง หากพบปัญหาในกลุ่มแรก จะได้แก้ไขก่อนขยายไปทั้งองค์กร ข้อควรระวัง ต้องวางแผนการติดต่อสื่อสารภายในดี ๆ เพราะสักพักจะมีทั้งคนที่ใช้ระบบเก่าและใหม่ปะปนกัน 3. ย้ายแบบเน้น “ไม่ให้มี Downtime” หรือให้น้อยที่สุด ใช้เครื่องมือ migration ในการ “ซิงก์เมลล่วงหน้า” หลายรอบ ตัดระบบตอนดึก หรือช่วงที่ไม่มีคนใช้งาน หลังย้ายยังซิงก์ซ้ำอีกรอบ เพื่อเก็บเมลที่เข้ามาช่วงรอยต่อ เหมาะกับองค์กรที่ต้องใช้เมลตลอดเวลา เช่นฝ่ายขาย ฝ่ายดูแลลูกค้า โรงพยาบาล โรงงาน ฯลฯ hostatom จะช่วยเลือกวิธีที่เหมาะกับรูปแบบธุรกิจของคุณและวางแผน timeline อย่างละเอียดให้ก่อนเริ่มงานจริง สิ่งที่มัก “ลืม” ตอนย้ายอีเมล คนส่วนใหญ่มักคิดถึงแค่อีเมล แต่จริง ๆ ยังมีข้อมูลอื่นที่ควรตรวจสอบด้วย Contacts (สมุดที่อยู่)รายชื่ออีเมลลูกค้า/คู่ค้าบางส่วนเก็บอยู่ในโปรแกรม Outlook หรือมือถือ ไม่ได้อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ Calendar (ปฏิทินนัดหมาย)นัดหมายต่าง ๆ ที่ผูกกับระบบเดิม ต้องเช็กว่าอยากย้ายตามมาด้วยหรือไม่ Tasks / Notes / Signature / Rulesบางโปรแกรมมี rule ให้จัดหมวดหมู่เมลอัตโนมัติ อันนี้ไม่ค่อยถูกย้ายมา ต้องตั้งใหม่ hostatom จะช่วยแนะนำว่าอะไรย้ายให้ได้เลย, อะไรต้อง export/import เพิ่ม และอะไรต้องให้ผู้ใช้ตั้งเองใหม่อีกครั้ง หลังย้ายแล้ว ต้องไม่ลืมเรื่องความปลอดภัย แม้จะย้ายสำเร็จแล้ว ยังมีงานที่ควรทำต่อเพื่อความปลอดภัยขององค์กร 1. ปรับค่า DNS ให้ถูกต้อง เปลี่ยนค่า MX ให้ชี้ไปยัง Google หรือ Microsoft ตั้งค่า SPF ให้ระบบภายนอกยอมรับว่า “เมลที่ส่งออกจากโดเมนนี้ เป็นของแท้” เปิดใช้ DKIM และแนะนำการตั้งค่า DMARC ตามนโยบายบริษัท ถ้าตั้งไม่ถูก อาจทำให้เมลส่งออกแล้วเข้า Junk/Spam หรือถูกปฏิเสธได้ 2. ตั้งค่าความปลอดภัยของผู้ใช้ เปิดใช้ 2-Step Verification / MFA สำหรับทุกบัญชีสำคัญ ตั้งนโยบายรหัสผ่านให้รัดกุม ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ผูกกับบัญชี (มือถือ/โน้ตบุ๊กเก่า ๆ ควรถอดออก) 3. ทดสอบก่อนประกาศว่า “ย้ายจบแล้ว” ทดสอบส่ง – รับเมลจากใน – นอกองค์กร ให้ผู้ใช้สำคัญลองค้นหาเมลเก่าที่ต้องใช้บ่อย ว่าเจอครบไหม ตรวจสอบระบบอื่น ๆ ที่ส่งเมลอัตโนัติ เช่น ฟอร์มหน้าเว็บ ว่ายังทำงานอยู่ ทำไมควรให้ hostatom ช่วยย้ายอีเมลองค์กร การย้ายอีเมลองค์กรหนึ่งครั้ง เปรียบเหมือน “ผ่าตัดใหญ่” ของระบบสื่อสารทั้งบริษัทมีทั้งเรื่องเทคนิค เรื่องเวลา และเรื่องความเสี่ยงที่ต้องคิดพร้อมกัน ให้ hostatom ช่วย คุณจะได้อะไรบ้าง ทีมผู้เชี่ยวชาญที่ทำ migration มาแล้วหลายเคส คุ้นเคยทั้งระบบโฮสติ้งเดิม, Google Workspace และ Microsoft 365 รู้ว่ารูปแบบไหนเหมาะกับธุรกิจขนาดไหน ช่วยตรวจสอบระบบเดิมและวางแผนให้ครบตั้งแต่ต้น เช็ก DNS ให้ ประเมินจำนวนผู้ใช้และขนาดข้อมูล เสนอแผนการย้ายที่ลด Downtime ให้มากที่สุด จัดการขั้นตอนเทคนิคให้แทบทั้งหมด ย้ายเมลจากระบบเดิม ตั้งค่าระบบใหม่ ปรับ DNS ให้ ทดสอบการส่ง–รับเมล มีทีม Support ดูแลหลังการย้าย แก้ปัญหาการใช้งานเบื้องต้นของผู้ใช้ ช่วยดูเคสเมลส่งไม่ถึง / เข้าสแปม ให้คำแนะนำเรื่องความปลอดภัยต่อเนื่อง สรุปง่าย ๆ คือ ให้ hostatom ดูแลเรื่องเทคนิคคุณมีหน้าที่แค่ช่วยให้ข้อมูลและตัดสินใจในจุดสำคัญเท่านั้นลดความเสี่ยงเมลหาย ลดโอกาสระบบล่มกลางทาง การย้ายอีเมลองค์กรให้ปลอดภัยเริ่มต้นจากการมี “ข้อมูลครบ และมีผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้” ก่อนอื่นต้องรู้ให้ชัดว่าจะย้ายไปใช้ระบบใดระหว่าง Google Workspace หรือ Microsoft 365 จากนั้นรวบรวมข้อมูลระบบเดิมให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น DNS ระบบเมลปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้ ขนาดข้อมูล รวมถึงรูปแบบการใช้งานของพนักงาน แล้วจึงเลือกแผนการย้ายที่เหมาะกับขนาดและลักษณะธุรกิจของคุณ อย่าลืมคำนึงถึงข้อมูลส่วนอื่นอย่าง Contacts, Calendar และไฟล์ต่าง ๆ รวมถึงการตั้งค่าความปลอดภัยหลังการย้าย หากไม่มั่นใจด้านเทคนิค การให้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง hostatom เข้ามาช่วยดูแลทุกขั้นตอนจะช่วยลดความเสี่ยง และทำให้การย้ายอีเมลขององค์กรเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าการทำเองมาก หากคุณกำลังวางแผนย้ายอีเมลองค์กรและอยากให้มีทีมมาช่วยดูแลตั้งแต่ “คุย วางแผน ลงมือ ไปจนถึงหลังย้ายเสร็จ” สามารถติดต่อทีม hostatom เพื่อขอคำปรึกษาได้เลย เราช่วยประเมินระบบเดิม วางแผนการย้าย และประมาณเวลาให้แบบเข้าใจง่าย แนะนำแพ็กเกจ Google Workspace หรือ Microsoft 365 ที่เหมาะกับขนาดธุรกิจของคุณ ดูแลการ Migration ให้ตั้งแต่ต้นจนจบ

Read More »

เริ่มใช้ Power Automate เชื่อม Outlook-Excel-Teams อัตโนมัติ

18 November 2025

ถ้าคุณเบื่อกับงานเดิม ๆ ที่ต้องคอยก็อปปี้จากอีเมลไปวางใน Excel แล้วตามไปแจ้งใน Teams ซ้ำ ๆ ทั้งวัน บทความนี้เกิดมาเพื่อคุณเลย เราจะพาเริ่มใช้ Power Automate แบบ “ภาษาคนธรรมดา” เชื่อม Outlook, Excel, Teams ให้ทำงานอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว แค่คลิกตามก็ทำเป็นได้ Power Automate คืออะไร Power Automate คือบริการของ Microsoft ที่เอาไว้ “ให้ระบบทำงานแทนเรา” เช่น รับอีเมลแล้วจดลง Excel ให้เอง หรือมีข้อมูลใหม่แล้วส่งแจ้งเตือนเข้า Teams โดยไม่ต้องเขียนโค้ด เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Microsoft Power Platform และทำงานร่วมกับแอปใน Microsoft 365 ได้ดีมาก เช่น Outlook, Excel, Teams, SharePoint ฯลฯ หัวใจของ Power Automate คือการสร้าง Flow (ลำดับงานอัตโนมัติ) ที่ประกอบด้วย: Connector – ตัวเชื่อมไปยังแอป/บริการ เช่น Outlook, Excel, Teams Trigger – เหตุการณ์ที่ทำให้ Flow เริ่มทำงาน (เช่น “มีอีเมลเข้าใหม่”) Action – ให้ทำอะไรต่อ เช่น “เพิ่มแถวใน Excel” หรือ “ส่งข้อความเข้า Teams” คิดภาพง่าย ๆ: เมื่อเกิดเหตุการณ์ A ใน Outlook → ให้ไปทำ B ใน Excel → แล้วแจ้ง C ที่ Teams อัตโนมัติ สิ่งที่ต้องเตรียม ก่อนเริ่มใช้งาน Power Automate บัญชี Microsoft 365 / Microsoft 365 Business ที่มี Outlook, Excel, Teams และสิทธิ์ใช้ Power Automate (แผนธุรกิจส่วนใหญ่มีสิทธิ์ใช้ตัวคอนเนกเตอร์มาตรฐานได้อยู่แล้ว) ใช้อีเมล / Excel / Teams ขององค์กรอยู่แล้ว (จะสะดวกมาก) อินเทอร์เน็ต + เว็บบราวเซอร์ (Chrome, Edge ฯลฯ) รู้จักคำสำคัญ 3 ตัว: Flow, Trigger, Action Flow = สูตรการทำงานอัตโนมัติเหมือนเราเขียนลิสต์งานให้ระบบว่า “ถ้าเกิดแบบนี้ → ให้ทำสิ่งนี้ ๆ ตามลำดับ” Trigger = จุดเริ่มต้น เช่น มีอีเมลใหม่เข้า Inbox มีไฟล์ใหม่ในโฟลเดอร์ มีแถวใหม่ในตาราง Excel Action = ขั้นตอนที่ให้ระบบทำ เช่น เพิ่มข้อมูลลง Excel ส่งข้อความเข้า Teams ส่งอีเมลตอบกลับอัตโนมัติ ตัวอย่างขั้นตอนใช้ Power Automate กับ Outlook-Excel-Teams ตัวอย่างนี้จะทำ Flow ว่า: 📑 เมื่อมีอีเมลใหม่เข้า Outlook ที่เราสนใจ → บันทึกข้อมูลลง Excel → แจ้งเตือนใน Teams อัตโนมัติ ขั้นตอนที่ 1 -เตรียมตาราง Excel ให้พร้อม เปิด Excel Online (ผ่านเว็บ หรือใน OneDrive/SharePoint) จากตัวอย่างนี้จะเปิดผ่านเว็บคลิก “Create blank workbook” เพื่อสร้างไฟล์ สร้างไฟล์ใหม่ชื่อเช่น customer-email.xlsx สร้างตาราง (Insert → Table) ลากคลุมคอลัมน์ตามจำนวนหัวคอลัมน์ ระบบจะแสดงหน้าต่างขึ้นมาแล้วถามว่า “ข้อมูลที่ต้องการใช้ อยู่ในช่วง ….” จากนั้นให้ติ๊กถูก ✔️ หน้าหัวข้อ “My table has headers” (ตารางของฉันมีหัวเรื่อง)คลิก “OK“ มีหัวคอลัมน์เช่น วันที่ ผู้ส่ง หัวข้ออีเมล หมายเหตุ ตั้งชื่อ Table ที่เราสร้าง โดยคลิกที่ Tabel Design ตั้งชื่อ Table1 (หรือจะใช้ชื่ออื่นก็ได้นะคะ) Power Automate สามารถเชื่อมกับไฟล์ Excel ที่อยู่บน OneDrive/SharePoint แล้วทำงานกับ “Table” ภายในนั้นได้เลยจากนั้นให้จำชื่อไฟล์และ Table ไว้ ขั้นตอนที่ 2 – สร้าง Flow อัตโนมัติจาก Outlook เข้าหน้าเว็บ Power Automate (https://make.powerautomate.com) ล็อกอินด้วยบัญชี Microsoft 365 ด้วยบัญชีของคุณเลือกเมนู Create เลือก “Automated cloud flow” (Flow ที่รันอัตโนมัติเมื่อมีเหตุการณ์) ตั้งชื่อ Flow เช่น “Record the email in a table and notify Teams” (บันทึกอีเมลเข้าตาราง + แจ้ง Teams)ในช่องเลือก Trigger ให้ค้นหา “Outlook” แล้วเลือก Trigger ตัวอย่างเช่น When a new email arrives (V3) (เมื่อมีอีเมลใหม่เข้า) จากตัวเชื่อม Office 365 Outlook คลิก “Create“ ระบบจะสร้างหน้า Action ดังภาพ ขั้นตอนที่ 3 – เพิ่ม Action ให้บันทึกลง Excel กด New step (ขั้นตอนใหม่) หรือ + ค้นหา “Excel Online” เลือก Excel Online (Business)ที่ Excel Online ให้เลือก Add a row into a table หากไม่เจอให้คลิกที่ “See more” ดังภาพ เลือก “Add a row into a table“ ระบบจะพามาหน้า “Create connection” ให้คลิก “Sign in“ เลือกบัญชีที่ต้องการเชื่อมต่อ เลือก: Location: OneDrive หรือ SharePoint ขององค์กร ในตัวอย่างนี้ขอเลือก OneDrive Document Library: ที่เก็บไฟล์ File: เลือก customer-email.xlsx Table: เลือก Table1 ที่ Advanced Parameter เลือกตามคอลัมน์ที่เราสร้างไว้ จากนั้นคลิก Show all คลิกที่รูปสายฟ้า ตามภาพ ในช่องคอลัมน์ให้ใส่ค่าแบบดึงจากอีเมล (Dynamic content) เช่น วันที่ → Received Time ผู้ส่ง → From หัวข้ออีเมล → Subject Action จะถูกสร้าง ตามภาพ และ ข้อมูลอีเมลใหม่จะถูกเขียนลง Excel อัตโนมัติทุกครั้งที่ Trigger ทำงาน ขั้นตอนที่ 4 – เพิ่ม Action ให้แจ้งเตือนใน Teams ยังอยู่ใน Flow เดิมกด New step หรือ “+” อีกครั้ง ค้นหา “Teams” เลือก Microsoft Teamsที่ Microsoft Teams ให้เลือก Post message in a chat or channel หากไม่เจอให้คลิกที่ “See more” ดังภาพ เลือก “Post message in a chat or channel“ ระบบจะพามาหน้า “Create connection” ให้คลิก “Sign in“ เลือกบัญชีที่ต้องการเชื่อมต่อ ตั้งค่า ดังนี้ Post in: Channel Team: เลือกทีมที่ใช้จริงในองค์กร Channel: เช่น ทั่วไป หรือ งานลูกค้า ในบทความนี้ขอเลือกเป็น Test ในช่อง Message ให้ใส่ค่าแบบดึงจากอีเมล (Dynamic content)โดยคลิกที่รูปสายฟ้า ตามภาพ 📝ในข้อความให้เขียนประมาณ: มีอีเมลใหม่เข้าแล้ว 🎉 จาก: (From) หัวข้อ: (Subject) เวลา: (Received Time) เมื่อเสร็จแล้วจะได้ ดังภาพ จากนั้นกดปุ่ม “Save“ จากนี้ไป เมื่อมีอีเมลตามเงื่อนไขเข้า:Outlook → Excel ถูกอัปเดต → Teams ได้ข้อความแจ้งเตือนอัตโนมัติ เมื่อทดสอบส่งจดหมายแล้วใน Excel จะมีข้อความ ดังภาพ ส่วนใน Microsoft Teams จะมีข้อความแสดง ดังภาพ ตัวอย่าง Flow ง่าย ๆ เพิ่มเติมที่ทำได้คล้ายกัน แค่เปลี่ยน Trigger/Action ก็ได้ Flow ใหม่ทันที เช่น: มีไฟล์แนบมาในอีเมล → ให้เซฟไฟล์แนบลงโฟลเดอร์ OneDrive/SharePoint อัตโนมัติ แบบฟอร์มออนไลน์ส่งเข้ามา → ให้บันทึกข้อมูลลง Excel และแจ้งทีมผ่าน Teams มีคำว่า “ด่วน” ใน Subject → ให้ส่งแจ้งเตือนเข้า Teams หรือส่งอีเมลต่อไปหาอีกคนหนึ่ง ทั้งหมดนี้ใช้แค่การ “จิ้มเลือก” Trigger + Action ไม่ต้องเขียนโค้ดเองเลย เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ Power Automate เริ่มจาก Template ก่อนบน Power Automate มีเทมเพลตเชื่อม Outlook – Excel – Teams ให้เลือกหลายแบบ เอามาใช้แล้วค่อยแก้ให้ตรงกับงานเรา ทดสอบด้วยเคสเล็ก ๆสร้าง Flow แล้วลองส่งอีเมลทดสอบ 1–2 ฉบับ ดูว่า Excel เติมข้อมูลถูกไหม / Teams แจ้งไหม ก่อนเอาไปใช้จริงทั้งทีม ตั้งชื่อ Flow ให้เข้าใจง่ายเช่น Outlook → Excel ลูกค้าใหม่ → แจ้ง Teams จะช่วยให้ทีมคนอื่นเปิดมาดูแล้วรู้ทันทีว่าทำอะไร ถ้า Flow พัง / Errorในหน้า Flow จะมีประวัติการรัน (Run History) บอกเลยว่าพังตรงขั้นไหน ทำให้ไล่แก้ได้ง่ายขึ้น Power Automate คือผู้ช่วยอัตโนมัติที่เชื่อม Outlook, Excel, Teams ให้ทำงานแทนเรา โดยใช้แนวคิดง่าย ๆ แค่ Trigger เริ่ม – Action ทำ เริ่มจาก Flow ตัวอย่างเช่น “อีเมลเข้า → จดลง Excel → แจ้ง Teams” ก็ช่วยลดงานมือซ้ำ ๆ ได้เยอะ มือใหม่ไม่ต้องเขียนโค้ด แค่ลาก คลิกเลือกแอปและฟิลด์ให้ตรง ก็เริ่มทำ Automation ใน Microsoft 365 ได้ทันทีใช้ไปสักพักคุณจะเริ่มมองงานประจำในมุมใหม่ว่า “อันนี้ให้ Power Automate ทำแทนได้ไหม” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำงานแบบอัตโนมัติทั้งทีม ถ้าอยากใช้ Power Automate แบบเต็มประสิทธิภาพ แนะนำให้ใช้คู่กับ Microsoft 365 / Microsoft 365 Business ที่รวม Outlook, Excel, Teams และบริการคลาวด์ต่าง ๆ ไว้ในชุดเดียว ทำให้เชื่อมต่อผ่าน Power Automate ได้สะดวก และใช้คอนเนกเตอร์มาตรฐานได้ทันที

Read More »

มือใหม่ต้องรู้! โหลดไฟล์จาก Google Drive ลงคอม

17 November 2025

ทุกวันนี้เราเก็บไฟล์งาน รูป และเอกสารสำคัญไว้ใน Google Drive กันแทบหมด แต่พอถึงเวลาจะ “โหลดลงเครื่อง” กลับงงว่าจะกดตรงไหนดี โหลดไฟล์หรือโฟลเดอร์ยังไงไม่ให้หายหรือซ้ำ บทความนี้จะพาไล่ทีละขั้นตอน ทั้งบนคอมและมือถือ ให้คุณดาวน์โหลดไฟล์จาก Google Drive ได้แบบง่าย ๆ และไม่มึนอีกต่อไป รู้ก่อนโหลด: ไฟล์บน Google Drive แบบไหนดาวน์โหลดได้บ้าง บน Google Drive คุณสามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง: ✅ ไฟล์เดี่ยว (เช่น .docx, .xlsx, .pdf, .jpg, .png, .mp4 ฯลฯ) ✅ ไฟล์ Google (Docs, Sheets, Slides ฯลฯ) – จะถูกแปลงเป็นไฟล์ชนิดที่เลือกตอนดาวน์โหลด เช่น .docx / .xlsx / .pptx / .pdf ✅ โฟลเดอร์ทั้งโฟลเดอร์ – ระบบจะบีบอัดเป็นไฟล์ .zip ให้ก่อนดาวน์โหลด ✅ ไฟล์ใน Shared drive (ไดรฟ์ที่แชร์) – ถ้าคุณมีสิทธิ์เข้าถึง/ดาวน์โหลด ⚠️ คำเตือน: หากไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการดาวน์โหลดมีขนาดใหญ่ หรือมีไฟล์ย่อยจำนวนมาก ระบบจะใช้เวลาเตรียมไฟล์ (Preparing download) นานกว่าปกติ และจะถูกบีบอัดเป็นไฟล์ .zip ก่อนดาวน์โหลดเสมอ ในช่วงนี้ไม่ควรปิดแท็บหรือรีเฟรชหน้า เพราะอาจทำให้ต้องเริ่มดาวน์โหลดใหม่ ถ้ากดดาวน์โหลดจาก Shared drive หรือไฟล์ที่ผู้อื่นแชร์ให้ แล้วขึ้นแจ้งว่าไม่สามารถดาวน์โหลดได้ อาจเกิดจากเจ้าของไฟล์หรือผู้ดูแลระบบ (Admin) จำกัดสิทธิ์ไว้ ให้ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง (Permission) หรือแจ้งผู้ดูแลระบบ Google Workspace ขององค์กรให้ช่วยตรวจสอบ ดาวน์โหลด “ไฟล์เดี่ยว” จาก My Drive หรือ Shared drive Login เข้าบัญชี Google ของคุณ ไปที่ Google Apps => Drive หรือ พิมพ์ URL: https://drive.google.com/ ไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ที่ต้องการ คลิกไฟล์ที่ต้องการดาวน์โหลด คลิกขวา => เลือก ดาวน์โหลด (Download) ไฟล์จะถูกดาวน์โหลดลงเครื่อง (ดูได้จากแถบดาวน์โหลดด้านล่างของเบราว์เซอร์ หรือในโฟลเดอร์ “ดาวน์โหลด/Downloads” บนเครื่อง) ดาวน์โหลด “หลายไฟล์พร้อมกัน” กด Ctrl (Windows) หรือ Cmd (macOS) ค้างไว้คลิกเลือกหลายไฟล์ที่ต้องการ คลิกขวา => เลือก ดาวน์โหลด Google Drive จะบีบอัดไฟล์ทั้งหมดเป็นไฟล์เดียวแบบ .zipเมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ให้ไปแตกไฟล์ (Extract) ที่โฟลเดอร์ปลายทางบนเครื่อง ดาวน์โหลด “ทั้งโฟลเดอร์” ที่หน้า Google Drive ให้ไปยังตำแหน่งโฟลเดอร์เป้าหมาย คลิกหนึ่งครั้งที่โฟลเดอร์ที่ต้องการ คลิกขวา => เลือก ดาวน์โหลด ระบบจะบีบอัดโฟลเดอร์ทั้งหมดเป็น .zipหลังดาวน์โหลดเสร็จ ให้แตกไฟล์ .zip เพื่อใช้งานไฟล์ด้านใน 💡 ทิป: เคล็ดลับการดาวน์โหลดไฟล์จำนวนมาก:ถ้าต้องดาวน์โหลดโฟลเดอร์ใหญ่หรือไฟล์จำนวนมากเป็นประจำ แนะนำให้ใช้ Google Drive for desktop ซิงก์โฟลเดอร์ลงมาที่เครื่อง แล้วคัดลอก/ย้ายไฟล์จากโฟลเดอร์บนเครื่องแทนการดาวน์โหลดผ่านหน้าเว็บ ซึ่งมักเสถียรกว่าและลดโอกาสดาวน์โหลดค้างทิปแก้ปัญหาโหลดช้า/โหลดไม่สำเร็จ: ลองเปลี่ยนเบราว์เซอร์ หรือเปิดโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito) เพื่อทดสอบ ตรวจสอบพื้นที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ ว่ามีเพียงพอสำหรับไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลดหรือไม่ ถ้าใช้งานผ่านเครือข่ายสำนักงานที่มีการจำกัดทราฟฟิก ให้ลองเปลี่ยนมาใช้เครือข่ายอื่นชั่วคราว เช่น ใช้ hotspot จากมือถือ ทริกจัดการไฟล์ตอนดาวน์โหลด ตั้งชื่อไฟล์ให้เข้าใจง่ายก่อนโหลด: ก่อนดาวน์โหลด ลองเปลี่ยนชื่อไฟล์บน Drive ให้ชัดเจน เช่น ใบเสนอราคา_ลูกค้าA_2025-11-17.pdf หรือ รายงานยอดขาย_Q4_2025.xlsx จะช่วยให้ตอนเปิดในโฟลเดอร์ดาวน์โหลด ไม่สับสนว่าไฟล์ไหนคือเวอร์ชันล่าสุด ระวังไฟล์ซ้ำในโฟลเดอร์ “ดาวน์โหลด”: ถ้าดาวน์โหลดไฟล์ชื่อเดิมซ้ำกัน ระบบอาจเติม (1), (2) ต่อท้ายชื่อไฟล์ หรือ แนะนำให้ย้ายไฟล์ที่ดาวน์โหลดแล้วเข้าไปไว้ในโฟลเดอร์เฉพาะ เช่น งานลูกค้า/ชื่อลูกค้า/ หรือ เอกสารบัญชี/ปี_2025/ ไฟล์ใหญ่มาก โหลดบ่อย ใช้ Drive for desktop แทน: ถ้าองค์กรใช้ Google Workspace สามารถติดตั้ง Drive for desktop แล้ว “แมป” Drive เข้าเครื่องให้เหมือนเป็นไดรฟ์อีกลูกหนึ่ง จากนั้นก็ลากไฟล์ไป–มาได้เหมือนโฟลเดอร์ปกติบนคอม ช่วยลดเวลารอซิงค์และลดการดาวน์โหลดซ้ำ ๆ ปัญหายอดฮิตและวิธีแก้แบบสั้น ๆ โหลดไฟล์ไม่ได้ / ปุ่มดาวน์โหลดไม่ขึ้น→ เช็กสิทธิ์แชร์ไฟล์ (ผู้แชร์อาจจำกัดไม่ให้ดาวน์โหลด) หรือปรึกษา Admin Google Workspace ไฟล์ .zip แตกไฟล์ไม่ได้→ อัปเดตโปรแกรมแตกไฟล์ (เช่น 7-Zip, WinRAR) หรือใช้ฟังก์ชัน built-in ของ Windows/macOS โหลดแล้วไฟล์เปิดไม่ได้ / ตัวหนังสือเพี้ยน→ สำหรับไฟล์จาก Google Docs/Sheets/Slides ให้ลองเปลี่ยนเป็น .pdf แทน หรือใช้โปรแกรมอัปเดตเวอร์ชันล่าสุด การดาวน์โหลดไฟล์จาก Google Drive ให้ราบรื่นขึ้นอยู่กับ 3 เรื่องหลักคือ วิธีที่เลือกดาวน์โหลด (ไฟล์เดี่ยว / หลายไฟล์ / ทั้งโฟลเดอร์), ขนาดและจำนวนไฟล์, และ สิทธิ์การเข้าถึง หากเข้าใจหลักการเหล่านี้ ก็จะช่วยลดปัญหาโหลดค้าง, โหลดช้า หรือโหลดไม่สำเร็จได้มาก สำหรับองค์กรที่ใช้ Google Drive ทำงานร่วมกันทุกวัน การมีบัญชี Google Workspace ที่ตั้งค่าถูกต้อง พร้อมผู้ดูแลระบบคอยช่วยตรวจสอบสิทธิ์และโควตาพื้นที่ จะทำให้การแชร์และดาวน์โหลดไฟล์เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น hostatom ให้บริการ Google Workspace และโซลูชันด้านโฮสติ้งสำหรับองค์กร พร้อมช่วยดูแลการตั้งค่า, สิทธิ์การใช้งาน และปัญหาการใช้ Google Drive ของคุณ ให้ทีมงานทำงานกับไฟล์ได้อย่างต่อเนื่องและมั่นใจมากกว่าเดิม

Read More »

What Our Users Say

tososay.com

ประทับใจในตลอดทุกการใช้งานที่มีมาตลอด กับ Hostatom ครับ

นอกจากใช้บริการพื้นที่และระบบแล้ว ทีมงานยังใส่ใจ เข้าใจ และรับฟัง การทำงานร่วมกันแม้ว่าจะเป็นระบบหน้าบ้าน ทีมงานก็ให้คำแนะนำที่จะใช้งานกับระบบหลังบ้านหรือโฮสต์ได้อย่างดี ขอบคุณที่ให้บริการมาตลอดครับ แนะนำสำหรับมือใหม่ และมืออาชีพ ไว้วางใจ hostatom ได้ครับ

nailekcook.com

ที่นี่บริการดีมากกกกค่ะ 10/10 ไม่หักคะแนนเลย

ช่วยเหลือ 24 ชม.จริงๆ ให้คำแนะนำ แก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้รวดเร็ว พี่ๆ เทคนิค และพี่ๆแอดมิน พูดจาดีมาก ลูกค้าไม่เข้าใจก็พยายามอธิบาย ไม่ผิดหวังเลยค่ะ

guiaespanolentailandia.com

ทีมงานซัพพอร์ตให้บริการดีมากครับ

ผมพึ่งศึกษาการทำเว็บมีปัญหาอะไรทีมซัพพอร์ตของ hostatom ช่วยได้ตลอดเลย ให้คำปรึกษาดี และตอบไวมากเลยครับ